
ยึดรถหรูผิดกฎหมาย "แอน มิตรชัย" ตรวจสอบ โยงพระเอกดังช่องมากสี พร้อมภรรยาสาวใหญ่เจ้าของเต็นท์รถมือสอง เข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนพระเอก "เติ้ล-ธนพล" เผยไม่รู้จักแอนเป็นการส่วนตัว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. รายงานข่าวจาก บก.ปอศ. แจ้งว่า สำหรับรถคันนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะทราบข้อเท็จจริงถึงที่มาของตัวรถ ส่วนกรณีที่ปรากฏข่าวว่ามีภรรยาของนักการเมืองท้องถิ่นทางภาคตะวันออกคนหนึ่ง ให้ข่าวข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรถคันนี้นั้น ภายหลังตำรวจทำการตรวจยึดรถได้ ก็มีพลเมืองดีคาดว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่ให้ข้อมูลหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้เข้าให้ข้อมูลเบาะแสพร้อมกับเล่าเรื่องราวตามที่ลงหนังสือพิมพ์ไป โดยเรื่องนี้ มีพระเอกช่องมากสี ชื่อ "ต" พร้อมภรรยาสาวใหญ่ที่เป็นเจ้าของเต็นท์รถมือสอง ย่านพระราม 2 เข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมชี้ชัดว่า รถของ แอน มิตรชัย ก็มีการซื้อมาจากเต็นท์รถแห่งนี้เช่นกันจึงประสบปัญหาเดียวกัน แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถเปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องรถผิดกฎหมาย มีผลออกมาสู่ตลาด เนื่องจากมีกลุ่มคนที่ฉวยโอกาสจากช่องว่างของกฏหมาย ใช้วิธีการสวมทะเบียน ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยใช้วิธีการ คือ มีทะเบียนรถคันจริงอยู่ อาจเป็นของรถที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงประเภทซากรถ แล้วนำรถยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน อาจสีเดียวกันส่วนใหญ่เป็นรถใช้แล้ว นำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรถโจรกรรมจากประเทศใกล้เคียง อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น นำเข้ามาจำหน่าย แล้วนำเลขแชสซีร์จากตัวถังซากรถตัดมาแป๊ะกับตัวถังรถนำเข้าเหล่านี้ การสวมทะเบียนแบบนี้ทำให้รถคันที่สวมทะเบียน สามารถเสียภาษี และต่อทะเบียน เป็นรถถูกกฎหมายใช้งานได้ปกติ เพราะหากไม่มีผู้เป็นเจ้าทุกข์เจ้าหน้าที่ก็ไปตรวจไม่เจอ ต่อมาภายหลังปรากฏข่าว มีพระเอกช่องมากสีชื่อย่อ "ต" เข้ามาเกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวจึงพยายามติดต่อไปยัง เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข พระเอกละครช่อง 7 สี ซึ่งตกเป็นข่าวคบหากับภรรยาสาวใหญ่นอกวงการและเปิดเต็นท์รถมือสองอยู่ ทันทีที่ผู้สื่อข่าวติดต่อไป เติ้ล ได้เปิดเผยว่า วันนี้มาซ้อมแข่งรถที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แต่ก็ได้ทราบข่าวดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นผมไม่ได้รู้จัก แอน มิตรชัย หรือ มิตร มิตรชัย เป็นการส่วนตัว ส่วนข่าวที่ลงไปก็ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่า ผมเป็นคนขายรถคันดังกล่าวให้ ในส่วนตัวคงบอกรายละเอียดต่างๆ หรืออะไรมากไม่ได้ เพราะต้องปรึกษากับผู้ใหญ่หรือทนายความก่อน เบื้องต้นก็ได้มีการพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว แต่คงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามกฏหมาย
ที่มา :http://www.siamupdate.com/news-177446



0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น