
ทางครอบครัวพยายามหาทางรักษาโดยแพทย์ได้เจาะเอาน้ำที่ศีรษะออกแล้ว 2 ครั้ง แต่อาการยังไม่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีอาการผิวหนังตกสะเก็ดเกือบทั้งตัว ตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ หน้าอก หน้าท้อง มือ และ ขา ตาลอยไม่กระพริบ และตามองไม่เห็น แต่ยังคงมีความหวังที่จะหาทางรักษา เพื่อให้ลูกมีชีวิตต่อไปให้นานที่สุด

น.ส.จิราวรรณ เปิดเผยว่า ขณะนี้ครอบครัวค่อนข้างลำบากมีลูก 2 คน โดยลูกสาวคนโตอายุ 5 ขวบ เป็นปกติดี และสามี ประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง มีรายได้วันละ 100-200 บาท และตัวเองขายน้ำมันขวด ไม่พอค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ทั้งการกินอยู่ ค่านมผง ผ้าอ้อม ตกเดือนละกว่า 5,000 บาท จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลลูก เพื่อต่อชีวิตให้อยู่ได้นานที่สุด โดยผู้ใจบุญ ประสงค์ช่วยเหลือเด็กน้อย สามารถโทรศัพท์ติดต่อนางจิราวรรณ ได้โดยตรง ที่หมายเลข 061-2516221

น.ส.จิราวรรณ เล่าว่า ขณะตั้งครรภ์เดือนที่ 5 ได้ฝากครรภ์ไว้กับโรงพยาบาลสะเดา ตรวจฉี่ตรวจเลือดและอัลตร้าซาวด์ตามกระบวนการฝากครรภ์ทุกอย่าง หมอก็บอกว่าปกติ จนเมื่ออายุครรภ์ครบ 9 เดือน กำหนดคลอดวันที่ 10 พ.ย.57 แต่ยังไม่คลอด จนวันรุ่งขึ้น 11 พ.ย. 57 จึงไปโรงพยาบาล และแพทย์พบว่ามีอาการท้องโตมาก จึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลหาดใหญ่ อัลตร้าซาวด์ และเจาะน้ำคร่ำ พบว่าเด็กในครรภ์ศีรษะโตกว่าปกติ แพทย์ระบุว่าเป็นโรคน้ำคั่งในโพรงสมอง และแพทย์ถามตนกับสามีว่าจะเก็บไว้หรือเอาออก แต่ด้วยความรัก ตนจึงขอเก็บไว้ และทำการผ่าคลอด เมื่อวันที่ 18 พ.ย.57 น้ำหนักแรกเกิด 5,400 กรัม
“หลังจากคลอดลูกชายมีอาการศีรษะบวมคล้ายลูกโป่งนิ่มๆ หมอจึงเจาะเอาน้ำที่ศีรษะออกถึง 2 ครั้ง ผ่านมาได้ 8 เดือน ก็ยังบวมอยู่ วัดรอบศีรษะได้ 57 เซนติเมตร และผิวหนังตกสะเก็ดเกือบทั้งตัว แต่หูยังได้ยิน เนื่องจากจะเอามือถือเปิดเพลงให้ลูกฟัง พบมีการตอบสนองยิ้มบ้าง ซึ่งตัวเองและสามีจะพยายามรักษาลูกให้มีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด แต่ขณะนี้ยังมีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายและค่ารักษา จึงอยากขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่ใจบุญ”
ที่มา :http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1438068002



0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น